กวาวเครือขาว และสรรพคุณ
กวาวเครือขาว มีชื่อในทางวงการวิทยาศาสตร์ว่า “Pueraria minifica Airy Shaw and Suvatabandhu” จัด เป็นพืชตระกูลถั่วพบตามป่าเบญจพรรณ เป็นไม้เลื่อย มีมากในภาคเหนือและภาคอีสานออกดอกเป็นช่อ ดอกมีสีม่วง ขนาดเล็ก ออกดอกในช่วงมีนาคม ลักษณะของหัวค่อนข้างกลม เมื่อฝานดูมีสีขาว
สารสำคัญใน กวาวเครือขาว
สารที่ออกฤทธิ์สำคัญที่พบในหัวกวาวเครือเป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง (phytoestrogens) ได้แก่ miroestrol และ deoxymiroestrol ซึ่งมีฤทธิ์แรงแต่มีปริมาณน้อยและมี phytoestrogens ที่มีฤทธิ์อ่อนแต่มีปริมาณมากกว่า จำพวก isoflavones อีกหลายชนิด เช่น daidzein, genistein, daidzin, genistin, puerarin, mirificin, และ kwakhurin
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ กวาวเครือขาว
ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดมะหาดเพื่อให้ผิวขาว นอกจากจะต้องพิจารณาถึงความเข้มข้นของสารสกัดมะหาดในผลิตภัณฑ์แล้ว รูปแบบของผลิตภัณฑ์ ก็มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของสารสกัดมะหาดเช่นกัน และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมีฉลากที่ถูกต้อง รวมไปถึงไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารปรอท ซึ่งอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ค่ะ
วิธีการปรุงยาสมุนไพรโบราณจากกวาวเครือขาวที่ได้รับการยอมรับไปทั่ว ของหลวงอนุสุนทรได้กล่าวไว้ คือ
- นำผงกวาวเครือขาวตำผสมกับน้ำนมวัวมีสรรพคุณช่วยความจำผิวหนังนุ่มกระชับอายุยืน
- รับการกวาวเครือขาวร่วมกับน้ำมันเนยหรือน้ำผึ้งมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ
- รับประทานผงกวาวเครือขาวผสมกับมะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก มีสรรพคุณบำรุงสายตา รักษาโรคตาฟาง
- รับประทานผงกวาวเครือขาวผสมกับน้ำนมควาย มีสรรพคุณบำรุงเส้นผมฒ
ขนาดที่ใช้ผง กวาวเครือขาว
จากผลการศึกษาพิษกึ่งเรื้อรังของกวาวเครือขาว โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงแนะนำว่า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ขนาดใช้ของผงกวาวเครือขาวในคนไม่ควรเกิน 1-2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน หรือประมาณวันละ 50-100 มิลลิกรัม ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนดขนาดรับประทานของกวาวเครือขาวไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/วัน
บทความโดย
นศ.ภ. สุพรรษา องค์การ
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
อ้างอิง :
โรงพยาบาลยันฮี. กวาวเครือขาว. เข้าถึงจาก http://กวาวเครือ.com/กวาวเครือขาว/. เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2555.