ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : มะขามแขกมี 2 พันธุ์ คือ ชนิดปลายใบแหลม และชนิดปลายใบมน ประเทศไทยได้ทดลองนำมาปลูกทั้งสองพันธุ์แต่ที่ให้ผลดีคือ ชนิดปลายใบมน(C. angustifolia Vahl) มะขามแขกเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1 เมตร ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 5 – 8 คู่ ใบย่อย ขอบใบ เรียบ ฐานใบเฉียงเล็กน้อย ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายกิ่ง สีเหลือง ผลเป็นฝักแบนคล้ายฝักถั่วลันเตา ผิวเรียบ เมื่อแก่จัดมีสีนํ้า ตาลดำ
ปลูกด้วยเมล็ด มะขามแขกเป็นพืชทนแล้ง เจริญได้ดีในดินทุกชนิด เป็นพืชที่มีอายุเพียง 1 – 3 ปี ใช้หยอดเมล็ดลงในหลุม หรือเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้าก่อนแล้วจึงย้ายไปปลูกในหลุมก็ได้ ในระยะแรกควรสนใจเรื่องความชุ่มชื้นให้สมํ่า เสมอ ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก จากนั้นลดปริมาณนํ้าลง มะขามแขกไม่ชอบนํ้าท่วมหรือฝนมากไป ควรปลูกตอนปลายฤดูฝน ใบแห้ง และฝักแห้ง เริ่มเก็บใบได้ในช่วงอายุ 2-3 เดือน หรือก่อนออกดอก การเก็บครั้งต่อไปควรเก็บห่างจากครั้งแรกประมาณ 1 เดือน เก็บใบครั้งสุดท้าย พร้อมเก็บฝักที่โตเต็มที่ แต่เมล็ดยังไม่แข็ง แล้วนำใบและฝักมาตากให้แห้งทันที ในใบและฝักมะขามแขก มีสารจำพวกแอนทราควิโนน หลายชนิด ที่สำคัญคือ เซนโนไซด์เอ และบี (Senno- sides A and B), อีโมดิน (emodin) และเรอิน (rhein) เป็นต้น แอนทราควิโนนดัง กล่าวจะออกฤทธิ์กระตุ้นให้มีการบีบตัวของลำไล้ใหญ่ทำให้เกิดการอยากถ่าย ประโยชน์ในการรักษา : ฝักและใบมะขามแขกใช้เป็นยาระบาย รักษาอาการท้องผูกที่ได้ผลดี ใช้ใบแห้ง 1-2 หยิบมือ (หนัก 3-10 กรัม) หรือใช้ฝัก 4- 5 ฝัก หักเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว นานประมาณ 5 นาที เติมเกลือน้อย เพื่อกลบรสเฝื่อน รับประทานครั้งเดียว อาจใส่ขิงแก่ 1-2 แว่น กระวาน หรืออบเชย ลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยแต่งรสและช่วยบรรเทาอาการ ไซ้ท้อง การใช้ฝักมะขามแขกจะดีกว่าใบ เพราะจะมีอาการไซ้ท้องและปวดมวนน้อยกว่า การเก็บมะขามแขกไว้นานๆ หรือการใช้ความ ร้อนมากเกินไปในการต้มจะทำให้สารสำคัญถูกทำลายไปบ้าง มะขามแขกเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกประจำ แต่ควรใช้เป็น ครั้งคราว ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากใบและฝักมะขามแขกจำหน่ายทั้งในรูปยาชงมะขามแขก และยาเม็ด มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยองค์การ เภสัชกรรม และที่นำเข้าจากต่างประเทศ การรับประทานมะขามแขกติดต่อกันนาน อาจทำให้ขาดธาตุโปแตสเซียมได้ จึงควรรับประทานโปแตสเซียมร่วมไปด้วย นอกจากนั้นการ ใช้มะขามแขกนานๆ ติดต่อกันอาจทำให้ระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้ถูกทำลายได้ หากไม่ใช้จะไม่ถ่าย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ |